วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

***วัดคือบุญญสถานสำราญจิต***



พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


โครงการปฏิบัติธรรมทุกวันพระ

**วัดคือบุญญสถานสำราญจิต
วัดคือแหล่งรวมมิตรคิดสร้างสรรค์
วัดคือต้นแบบอย่างทางชีวัน
วัดคือแดนสวรรค์อนันต์คุณ

**วัดคือศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ
วัดคือแดนนักปราชญ์ประกาศหนุน
วัดคือแดนเมตตาเนื้อนาบุญ
วัดคือแหล่งเกื้อหนุนอดุลย์ธรรม

**วัดคือแหล่งรากฐานการศึกษา
วัดคือสรรพวิชาพาอิ่มหนำ
วัดคือถิ่นศิลปวรรณกรรม
วัดนั้นมีคุณค่าล้นท้นบรรยาย.



พระอาจารย์ให้ศีลแก่พ่อขาวแม่ขาวตัวน้อยๆ


ศัตรูที่แท้จริงของคนคือ โลภ, โกรธ, หลง 
ต้องแก้ด้วยมี ศีล, สมาธิ, ปัญญา



**แผ่เมตตาทั่วไปให้คนอื่น

จิตรักชื่นเกลียดชังแต่ครั้งไหน

ขอให้เขาได้ดีมีสุขใจ

อย่าหวั่นไหวแม้อมิตรที่คิดชัง

แล้วใจเราจะสบายคลายเร่าร้อน

เพราะจิตผ่อนคลายเครียดแต่หนหลัง

อนีฆาสุขีอัตตานัง

ห่างทุกขังก็เพราะจิตคิดดีเอย**



ดวงใจแม่ สะอาดแท้ กว่าทุกสิ่ง
ดวงใจแม่ สะอาดยิ่ง กว่าสิ่งไหน
ดวงใจแม่ สะอาดเกิน กว่าสิ่งใด
ดวงใจแม่ มีไว้ เพื่อลูกเอย........




**จะทำการอันใดใช้สติ     สมาธิคู่กันนั้นจริงหนา
              **มีสติสมาธิมีปัญญา    ทุกปัญหาสิ้นไปได้สิ่งดี


** จะเริ่มต้นทำสิ่งดีสติอยู่              กำหนดรู้นิ่งนึกค่อยศึกษา
 ก่อนจะทำสิ่งใดใช้ปัญญา      สติพาไม่เลอะเลือนทำเลื่อนลอย
           

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ " ไม่โง่ " แต่ถ้าฟัง โปเตโต้ ถึงมี รักแท้ แต่ก็ดูแลไม่ได้
พร 4 ข้อ
1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่าหลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส จิตประภัสสรฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข
2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร
ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา
เพราะไฟริษยา เป็น ไฟสุมขอน” (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี แผ่เมตตา
หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการยํ้าคิดยํ้าทำ ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน
อยู่กับปัจจุบันให้เป็นให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี สติกำกับตลอดเวลา
4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
ตัณหาที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี
เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยนํ้า ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ
ธรรมชาติของตัณหา คือ ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่คุณค่าเทียม
เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร
แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม
คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน
ตามหา แก่นของชีวิตให้เจอ
คำว่า พอดีคือถ้า พอแล้วจะ ดี
รู้จัก พอจะมีชีวิตอย่างมีความสุข

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

อิ่มบุญถ้วนหน้า "มหาสังฆทานดอนใหญ่ 2554"

อิ่มบุญถ้วนหน้า "มหาสังฆทานดอนใหญ่ 2554"


อิ่มบุญถ้วนหน้า "มหาสังฆทานดอนใหญ่ 2554"






    ประมวลภาพการประกวด "สวดมนต์หมู่ ทำนองสรภัญญะ" ระดับชั้นประถม ของคณะสงฆ์   และพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน อำเภอศรีเมืองใหม่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔




ชนะเลิศ อันดับ ๑
ชนะเลิศการประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ

5  อันดับสุดท้าย ลุ้นแทบขาดใจ

ตั้งใจน่าดู(แต่ตกรอบน่าสงสาร)

พระอาจารย์ผู้เป็นกำลังสำคัญในการจัดงาน

ท่านคณะกรรมการ


นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆมาร่วมแข่งขัน


อธิบายกติกาให้ทราบ




ซ้อมหนักมาก (สมแล้วที่ได้ที่ 1)
ถ้วยรางวัลสำหรับคนเก่ง

ทีม ป 3.อนาคตไกล



อันดับ 1,2 พร้อมอาจารย์ผู้ฝึกสอน
อาจารย์พระมหาพิทักษ์ เมตตามามอบรางวัลให้



เพื่อนๆผู้ใจบุญนำขนมและของใช้มาแจกเด็กๆ สาธุ

แบ่งๆกันเด้อน้องๆ


วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

เข้าพรรษา ปฏิบัติธรรม นำสุขมาให้




ท่านอาจารย์วิเชียรพาญาติโยมปฎิบัติธรรมทุกวันพระ.....สาธุ
  



เด็กๆอิ่มบุญถ้วนหน้า
  



มีทุกรุ่นเลย
 

อาจารย์ให้ศีลอุโบสถ


น้องเบ็นซ์ ซ้อมสวดมนต์ทุกวันศุกร์

สวดปาฏิโมกข์